ReadyPlanet.com
dot


Climbing ความท้าทายบนแผ่นผา


 

Climbing ความท้าทายบนแผ่นผา


เส้นทางสู่ความสำเร็จที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบน่าจะเป็นนิยามทีเหมาะสมสำหรับกีฬาปืนหน้าผาได้เป็นอย่างดี แม้ความสำเร็จคือการได้ไปถึงยังจุดสูงสุด แต่ที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นคือระหว่างทางจะข้ามผ่านอุปสรรคไปได้อย่างไร ความท้าทายที่เกิดขึ้นบนแผ่นผา ไม่ได้อาศัยความแข็งแกร่งของ

ร่างกายเพียงอย่างเดียว หากแต่ขนาดของหัวใจก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะเป็นเครื่องช่วยนำทางไปสู่ความสำเร็จบนปลายยอดผาได้ดีทีเดียว


สำหรับกีฬาท้าใจชนิดนี้ หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวท้าทายธรรมชาติด้วยการปินป่ายหนีแรงดึงดูดของโลกบนผาสูงอันโด่งของอ่าวไร่เลย์จังหวัดกระบี่ที่ได้รับความนิยมจากนักบินทั่วโลกโดยครั้งนี้เราจะพาไปเปิดประสบการณ์ท้าทายจิตใจกับกิจกรรมปืนหน้าผาจำลองกัน


การปืนหน้าผาจำลองเริ่มต้นขึ้นจากทั้งยุโรปและอเมริกา ด้วยความเป็นเมืองหนาวทำให้สภาพอากาศที่เหมาะในการปืนหน้าผาแบบเอาท์ตอร์ได้แค่เพียง 2-3 เดือนต่อปี ถ้านักกีฬาไม่คงความฟิตของร่างกายหรือเทคนิคการปืนเอาไว้ได้ ก็เลยจำเป็นต้องสร้างหน้าผาจำลองแบบอินดอร์เอาไว้เพื่อฝึกร่างกายให้พร้อมกับการแข่งขัน "อัน- ชาติชาย เกษมศุข" ผู้ฝึกสอนปีนผาระดับแถวหน้าของเมืองไทย ทั้งยังเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท Climbing Factory ที่มีผลงานการออกแบบและก่อสร้างหน้าผาจำลองหลายแห่งทั่วเมืองไทย กำลังวาดภาพถึงความเป็นมาของกีฬาปืนหน้าผาให้กับ PLAYBOY Thailand ได้รู้จัก


เรื่องราวของการปืนหน้าผาในเมืองไทยเกิดขึ้นเมื่อกว่า 20 ปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มนักปืนหน้าผาส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะที่กระบี่ได้รับการกล่าวขานถึงความสวยงามของสถานที่และความซับซ้อนของหน้าผาจนทำให้ปัจจุบันมีเส้นทางท้าทายจิตใจนักปืนผารวมทั้งกว่า 500 เส้นทาง นั้นทำให้ผาหินของไร่เลย์กลายเป็นจุดหมายหนึ่งของนักปืนผาทั่วโลกที่ต้องมาเยือนให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิตแต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีกลุ่มคนเมืองที่เริ่มชอบกีฬาประเภทนี้ขึ้นมากขึ้น จึงได้มีการบุกเบิกเส้นทางปืนหน้าผาใหม่ๆ ในโซนภาคกลางทั้งเพชรบุรีสระบุรี ลพบุรี เพื่อสนองตอบกลุ่มนักปืนที่ไม่ชอบเดินทางไปไกลๆ


สำหรับในเมืองไทยช่วงแรกอาจยังไม่ได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ เนื่องจากบ้านเราเป็นที่ราบและหน้าบ้านเราไม่ได้เป็นภูเขาหิน ก็เลยน่าจะทำให้รู้สึกว่าเป็นกีฬาที่ไกลตัว และมีความเชื่อที่ไม่ถูกนักว่าปืนหน้าผาอันตรายแต่ในความเป็นจริงแล้วการปั่นหน้าผาหากทำตามขั้นตอนและรู้จักการใช้อุปกรณ์อย่างถูกต้องถือว่าปลอดภัยมากกว่าฟุตบอลด้วยซ้ำ เพราะไม่มีการปะทะกัน ดังนั้นการบาดเจ็บที่เกิดจากแรงปะทะจะไม่เกิดขึ้นสำหรับกีฬาปั่นหน้าผา


ในปัจจุบันหลังจากที่กระแสการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้รับความนิยมมากขึ้นจึงมีการแสวงหาการท่องเที่ยวแบบใหม่ๆ ที่เน้นการผจญภัยและความตื่นเต้นกิจกรรมการปืนหน้าผาจึงได้รับความสนใจจากนักปืนหน้าใหม่เพิ่มขึ้นตามไปด้วยโดยเฉพาะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาคนเริ่มทำความเข้าใจกับกีฬาประเภทนี้

มากขึ้น มีการนำหน้าผาจำลองไปใส่ไว้ในฟิตเนส รีสอร์ท หรือแม้แต่ในห้างสรรพสินค้า


ทำไมต้องปีน


หลายคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์จากการปืนอาจตั้งคำถามว่าทำไมต้องปืน ปืนแล้วได้อะไร ก็คล้ายๆ กับคนที่ไม่คอยเล่นกอล์ฟที่ตั้งคำถามว่ายืนถือด้ามเหล็กฟาดลูกกลมๆ กลางแดดทั้งวันได้อย่างไร พอฟาดเสร็จก็ต้องเดินไปดูเพื่ออะไร เรื่องของการปินอันดับแรกเป็นการออกกำลังกายแน่นอน

นอกจากนี้ยังเป็นการท้าทายที่จะเอาชนะความกลัวของตัวเอง รวมถึงสมาธิและการวางแผนด้วย เพราะการป็นหน้าผาเป็นกีฬาที่แข่งกับตัวเองจะเห็นได้ว่าสถานศึกษาบางแห่งใช้กีฬาประเภทนี้ไว้สำหรับให้เด็กๆ ได้ฝึกสมาธิและการตัดสินใจ เชื่อหรือไม่ครับว่านี่คือกีฬาที่เหมาะสมกับเด็กจริงๆ ลองย้อนกลับไปมองตัวคุณในสมัยเด็กสิ

ครับ ว่คุณเคยผ่านการปืนอะไรมามากมายแค่ไหน เพราะการปืนคือสัญชาตญาณที่อยู่ในตัวเด็กๆอยู่แล้ว

ส่วนผู้ใหญ่ไม่ว่าจะอ้วนจะผอมเพรียวแค่ไหนก็ปืนได้หมดไม่มีข้อจำกัดขอเพียงสวมใส่อุปกรณ์ได้และมีความกล้าโลกใบใหม่แห่งความท้าทายก็อ้าแขนรอต้อนรับคุณอยู่เสมอ


ประเภทของการปีนหน้าผา


การปืนหน้าผาแบ่งลักษณะและความแตกต่างรวมถึงวิธีการปฏิบัติในหลายรูปแบบ ซึ่งจะแยกเป็น 7 รูปแบบได้แก่ Traditional Climbingเป็นการปืนเพื่อบุกเบิกเส้นทางใหม่ ซึ่งจะไม่มีการทิ้งหรือติด

ตั้งอุปกรณ์ถาวรบนหน้าผา โดยผู้ปินที่คนที่สองจะทำหน้าที่เก็บอุปกรณ์ตามขึ้นไป Big-wall Climbing

เป็นการปินเพื่อพิชิตหน้าผาสูงใหญ่ต้องใช้เวลาหลายวันจนกว่าจะปีนถึงยอดหน้าผา ซึ่งต้องอาศัยเทคนิครวมถึงอุปกรณ์พิเศษที่ออกแบบมาเพื่อรองรับรูปแบบการปินที่ยาวนาน เช่น เปลนอนและถุงสัมภาระ

Aid Climbing


เป็นรูปแบบการปืนหน้าผโดยการอาศัยอุปกรณ์ช่วยให้การเป็นสามรถทำได้ง่ยขึ้น เช่นบันไดเชือก หรือสามารถยืนบนหน้าผาได้ ซึ่งจะมีลักษณะการปีนคล้าย Big-wall แต่ต่างกันตรงที่ไม่ต้องใช้เวลานานมาก Free Climbing


ตรงข้ามกับการปั่นแบบ Aid Climbing อย่างสิ้นเชิงเพราะมือและเท้าของผู้ปืนจะต้องจับและยืนอยู่บนหน้าผาตลอดเวลา มีเพียงเชือกเส้นเดียวเอาไว้เซฟเวลาที่เกิดพลาดตกเท่านั้น สำหรับการปินประเภทนี้ถือได้ว่าเป็นรากฐานของการป็นหน้าผาเกือบทุกชนิด Free Soloing


เป็นรูปแบบการปินหน้าผาที่ปราศจากอุปกรณ์ป้องกันการตกทุกชนิด โดยส่วนใหญ่นิยมปืนบนหน้าผาที่มีความสูงมากกว่า 10 เมตรขึ้นไป ผู้ปินจะต้องมีความชำนาญรวมถึงทักษะขั้นสูงเหมาะสำหรับผู้ที่สามารถกิดใหม่ได้บ่อยๆ เพราะผิดพลาดครั้งเดียวนั่นหมายถึงชีวิต Bouldering Climbing

ลักษณะการปีนแบบเดียวกับ Free Soloing นิยมปินกับก้อนกินที่มีลักษณะกลมใหญ่และไม่สูงมากนัก ถือได้ว่าเป็นการออกกำลังและอบอุ่นร่างกายก่อนปีนขึ้นผาสูง ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะการเตรียมอุปกรณ์ไม่ยุ่งยากใช้เพียงรองเท้า ถุงชอล์ค และเบาะรองกันกระแทกเท่านั้น

Sport Climbing


เป็นรูปแบบการปีนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีความปลอดภัยจากอุปกรณ์ป้องกันการตกที่ติดตั้งถาวรอยู่บนหน้าผา นักปินเพียงแต่ติดตั้งส่วนที่ยืดติดกับตัวนักปืนตามเส้นทางปินที่ถูกเตรียมไว้ให้แล้วสำหรับการปืนหน้าผาสองประเภทท้ายสุดถือได้ว่าเป็นไฮไลท์ที่ทำให้กีฬาชนิดนี้แพร่หลายมากขึ้น เนื่องจากนักปืนมือใหม่สามารถข้าถึงสถานที่ปืนได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะหน้าผาจำลองที่ถูกเนรมิตไว้ในฟิตเนส โรงยิม หรือห้างสรรพสินค้า


บททดสอบแรกสำหรับนักปืน


หลังจากเรียนรู้ถึงอุปกรณ์แล้วว่าแต่ละชนิดทำหน้าที่อะไร รวมถึงระบบการทำงานและเทคนิคเบื้องต้น ในการฝึกปืนหน้าผานั้นมีหลักอยู่ว่าการปืนหน้าผาที่ดีคือต้องเคลื่อนไหวร่างกายให้อยู่ในลักษณะสมดุลกัน ลักษณะการปืนของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ผู้ปืนจะต้องสังเกตว่าการเคลื่อนไหวแบบไหนที่ตนเองถนัดและสามารถเคลื่อนต่อไปได้โดยไม่ต้องเสียแรงมากเกินไป ซึ่งต้องอาศัยความมั่นคงของมือ และเท้าในการเกาะและเหยียบ


สำหรับการปืนผาเบื้องต้นควรเริ่มจากการปีนแบบ Top Rope คือมีผู้ปินนำ (Leader) นำเชือกขึ้นไปสอดผ่านแองเคอร์ (Anchor) ซึ่งอยู่ตรงจุดปลายสุดของเส้นทางการปืน เชือกด้านหนึ่งจะถูกปล่อยลงมายังพื้นให้ปลายด้านหนึ่งยาวพอที่ผู้ปืนสามารถยึดกับฮาร์นสของตัวเองได้ ส่วนปลายเชือกอีกด้านหนึ่งนั้นจะเป็นของบีเลเยอร์ซึ่งจะร้อยปลายเชือกผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่าบีเลย์แล้วคล้องอุปกรณ์บีเลย์ไว้กับห่วงฮาร์เนสของตัวเองเพื่อช่วยควบคุมความปลอดภัยของผู้ปืนนั้นเอง

การจัดการกับร่างกายในขณะที่อยู่บนหน้าผาสิ่งสำคัญที่สุดคือการบาลานซ์ร่างกายการใช้มือและเท้าอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันการออกแรงที่มากเกินควร เพื่อให้เกิดความคุ้นชินเสียก่อนโดยเริ่มจากเส้นทางง่ายๆ เมื่อมีการเรียนรู้เทคนิคมากขึ้นจึงเริ่มท้าทายตัวเองด้วยการปืนในเส้นทางที่ยากขึ้น

ไปเรื่อยๆ

บาคาร่า

สำหรับการฝึกเบื้องต้นจะแบ่งเป็น 2 ครอสหลักเริ่มต้นด้วยหลักสูตร Beginner ซึ่งจะเป็นการทำความรู้จักกับอุปกรณ์และเรียนการปีนผาขั้นพื้นฐานกับหน้าผาจำลอง 3 ครั้ง โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง และปืนหน้าผาจริง 1 วัน ต่อเนื่องด้วยหลักสูตร Lead Climb เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บจากทักษะการปีนเบื้องต้นไปสู่การเป็นผู้นำเส้นทางซึ่งเป็นการต่อยอดให้กับความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ในหลักสูตรนี้


ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เทคนิคการปืนที่เรียกว่า Lead Climb ซึ่งต้องผ่านการปืนในแบบ Top Rope ที่มีสอนอยู่ในหลักสูตร Beginner มาก่อน โดยจะได้เรียนรู้วิธีการ Clip ควิกดรอว์กับจุดยึดบนหน้าผา, การทำแองเคอร์ (An-chor) และที่สำคัญการควบคุมอารมณ์ขณะปิน เรียนรู้วิธีการจัดร่างกายขณะตกซึ่งจะต้องเรียนกับหน้าผาจำลอง 3 ครั้ง และปืนหน้าผาจริง 1 วัน ทั้ง 2หลักสูตรมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000 บาทต่อหลักสูตรการปืนหน้าผาจำลองถือเป็นการออกกำลังกายวิธีหนึ่งที่สามารถเล่นได้ทุกวันเหมือนการเล่นฟุตบอล ตีเทนนิสหรือว่ายน้ำ


สำหรับผู้ที่สนใจจะลองวัดขนาดหัวใจตัวเองดูสักครั้งแนะนำว่าควรเลือกกับสถานที่ฝึกสอนกีฬาปีนหน้าผาที่ได้รับมาตรฐานที่ผู้สอนได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ฝึกสอนโดยเฉพาะ นอกจากจะได้ความภูมิใจแล้ว ความปลอดภัยในมาตรฐานการฝึกฝนนับเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ




Post by ริคาร์โด้ :: Date 2022-07-26 09:31:17 IP : 171.99.152.238


Opinion
Opinion *
By  *
E-Mail *
Don't Display E-mail



Copyright © 2010 All Rights Reserved.